วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

การใช้ Search Engines

เรียนรู้การใช้งาน เสิร์ช เอ็นจิ้น
    ปัจจุบันนี้ เสิร์ช เอ็นจิ้น (search engine) กลายมาเป็นสิ่ง จำเป็น สำหรับการท่องโลกอินเตอร์เนต เพราะหาก ไม่มีบริการ ช่วยค้นหาข้อมูล เหล่านี้ เราต้องใช้เวลานับหลายชั่วโมง หรือเป็นวัน ที่จะค้นหาข้อมูล ที่เราต้องการ จะใช้งานครบ   ซึ่งเสิร์ช เอ็นจิ้น ก็มีมากมาย หลายเจ้า ให้เราได้เลือกใช้งาน กัน ซึ่ง แต่ละเจ้า ก็มีวิธี การที่ ใช้ค้นหาาข้อ มูล ที่แตกต่างกัน   เราสามารถแบ่ง เว็บไซต์ ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล ออกเป็น ประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่

                                การบริการค้นหา ข้อมูลตามหมวดหมู่ (directory)
        ข้อแตกต่าง ระหว่างวิธีการทั้งสอง เปรียบเทียบได้ว่า ให้เว็บไซต์ที่มีอยู่ทั้งหมด เป็นหนังสือหลายล้านเล่ม   เทคนิคการ ใช้ อินเด็กซ์ ก็คือ การทำบัญชีรายการ ของคำ ทุกคำ ที่มีอยู่ใน หนังสือทุกเล่ม เมื่อ เรามองหาคำที่เราต้องการ จากบัญชีนี้ เราจะทราบทันทีว่า หน้าใดของหนังสือเล่มใด ที่มีคำ ๆ นี้อยู่ บ้าง ส่วนอีกวิธีหนึ่ง จะทำการแบ่งประเภท ว่า หนังสือแต่ละเล่มมีหัวเรื่องตรงกับ ประเภทใหญ่ ๆ อะไรบ้าง   แล้วนำหนังสือมาวางเรียง ไว้ภายใต้หัวเรื่อง ประเภทเดียวกัน รอให้เรามาค้นต่อไป
  • การค้นหาโดยใช้อินเด็กซ์
        เราคง เคยได้ยินชื่อ เสิร์ช เอ็นจิ้น อย่าง อัลตาวิสต้า (AltaVista/www.altavista.digital.com) และฮ็อทบ็อท (HotBot/www.hotbot.com) ทั้งสอง เป็นตัวอย่างของเสิร์ช เอ็นจิ้นนี้  หลักการคือ เขาจะม ีโปรแกรมตัวหนึ่ง เป็นตัวสแกน ไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เรียกว่า โปรแกรม สไปเดอร์  การค้นหา ข้อมูลโดยใ ช้ อินเด็กซ์ มีจุดเด่นอยู่ ตรงฐานข้อมูล ที่ใหญ่โตและยัง มีการปรับปรุงข้อมูล ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ตลอดเวลา เพราะ สไปเดอร์มัน ทำงาน ไม่หยุด    ยกตัวอย่าง เช่น ถ้า เราต้องการค้นหาข้อมูลใน อัลตาวิสต้า เพื่อขอรายละเอียด เกี่ยวกับตัว “Spider” เราก็จะ ได้ผลลัพธ์ ออกมาว่า มีเว็บเพจประมาณ 39,000 หน้า ที่มีคำนี้อยู่  ซึ่งนี่ คือข้อเสียของ การค้นหาด้วยวิธีนี้ 
  • การค้นหาตามหมวดหมู่
        เสิร์ช เอ็นจิ้น ชื่อดังอีก 2 ตัว ได้แก่ ยาฮู (Yahoo!/www.yahoo.com)และแมกเจลแลน (Magellan/www.magellan.com) เลือกใช้เทคนิคนี้ โดยใช้มนุษย์ เป็นคนจัดหมวดหมู่ ของเว็บไซต์ และคอย ปรับปรุงให้ขอมูล ทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากบัญชี รายชื่อเว็บไซต์ ได้ผ่านการจัด หมวดหมู่โดยมนุษย์ ดังนั้น ในรายชื่อก็จะมี รายละเอียด คร่าว ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ ที่เพิ่มเติม ลงไป ข้อของการค้นหาแบบนี้คือ จะสามารถตีกรอบผลลัพธ์ ออกมาตรง กับความ ต้องการ มากขึ้น เช่น เราลองใส่คำว่า “Spider”  ในยาฮู! ค้นหาดู เราจะได ้รายการของ หมวดหมู่ออก มา เช่น zScience: Zoology: Animals,Insects and Pets: Arachnids แล้ว ก็มี Computers and Internet: Internet: World Wide Web: Searching the Web: Robots,Spiders, ด้วย รายชื่อหมวดหมู่เหล่านี้ จะช่วยให้เรา ค้นหา ความหมายตามที่เรา ต้องการ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น   ข้อเสียของ การค้นหาของยาฮู! คือ มันจะค้นหาเฉพาะหน้าที่เป็น โฮมเพจ(หน้าแรก) ของแต่ละเว็บไซต์ เท่านั้น
Yahoo
        ตัวค้นหาข้อมูล Yahoo เป็นตัวค้นหาข้อมูล ลักษณะการค้นหาในแบบเมนู คือ บนจอภาพจะแบ่งหัวข้อต่าง ๆ ออก เป็นหมวดหมู่ ใหญ่ ๆ หรือเรียกว่า หัวข้อหลัก ในแต่ละหัวข้อหลักประกอบ ด้วยหัวข้อย่อยอีกหลาย หัวข้อ เราสามารถเจาะลง ไปใน หัวข้อ ที่เกี่ยวข้อง ทีละ ชั้น จนกระทั่ง ไปถึงหัวข้อ ที่เราต้องการ หรือใส่สิ่งที่เราต้องการค้นหา ลงไปในช่อง ว่าง สำหรับ ใส่ข้อความแล้วสั่ง ให้โปรแกรมค้นหาสิ่ง นั้น ก็ได้ เทคนิคการ ใช้งานของ Yahoo คือ จะค้นหาข้อมูล ตามคำที่เราพิมพ์ เข้าไป มากกว่าที่จะค้นหา ตามความหมาย ของคำ การค้นหาข้อมูล ที่ต้องการ โดยกำหนดข้อแม้ แบบตรรก เช่น AND , OR สามารถทำได้โดยกำหนด ใน Search Option ซึ่งจะมีควาหมาย ให้ Yahoo ค้นหาข้อมูลเฉพาะคำที่กำหนด ทั้วคำ หรือคำ ใดคำหนึ่ง ที่กำหนดก็ได้
            สำหรับผล การค้นหา ข้อมูลของ Yahoo จะแสดงผลเป็น แต่ละหัวข้อเรียงกันไป โดยในแต่ละ หัวข้อจะมีคำบรรยาย ย่อ ๆ ในเราพอ ทราบ ว่าหัวข้อ ที่ค้นหามา ได้นั้น เป็นเรื่องราวเกียวกับอะไร เพื่อที่เราจะได้เลือกค้นหา สิ่งที่เราต้องการจากหัวข้อ เหล่านั้นต่อไป แต่ผล การค้นหาข้อมูล แบบ Yahoo จะไม่มีคะแนนหรือเปอร์เซ็นต์ ความใกล้ เคียงของผลลัพธ์ กับสิ่งท่ต้องการค้นหา แสดงให้เราทราบ อย่างตัวค้นหาอื่น ๆ   เราสามารถเข้าไปทดสอบความสามารถของ Yahoo ได้ที่ http://www.yahoo.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น